in BYD, รถยนต์, รถใหม่ในต่างประเทศ
Denza N9 เอสยูวี PHEV รุ่นปี 2026 ของทาง BYD ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดมอเตอร์ 3 ตัว ให้กำลังมากถึง 912 แรงม้า วิ่งครอบคลุมระยะทางไกลถึง 1,302 กม. (CLTC) มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ God’s Eye B ราคา 1.744 ล้านบาท
โดยPhalath99 ผู้อ่าน
Denza แบรนด์รถยนต์หรูที่อยู่ในสังกัดของทาง BYD เปิดประกาศราคาจำหน่าย Denza N9 PHEV เอสยูวีหรูแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง รุ่นปี ที่ได้รับการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ รวมทั้งยังได้รับเฉดสีใหม่แบบทูโทน มีให้เลือก 3 รุ่น เปิดราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 389,800 – 449,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.744 แสนบาท – 2.01 ล้านบาท

สำหรับ Denza N9 PHEV ชูจุดเด่นเป็นรถ SUV ที่มากับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังมากถึง 912 แรงม้า ชุดแบตเตอรี่ BYD Blade ขนาด 47 kWh ที่วิ่งครอบคลุระยะทางไกลถึง 1,302 กม.

และยังเป็นรถรุ่นแรกของทางแบรนด์ที่ติดตั้งเทคโนโลยี e 3 “Yisanfang” ของ BYD ซึ่งรองรับระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ Crab Walk มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถเมื่อรถเกิดยางแตกขณะวิ่งด้วยความเร็ว 180 กม./ชม. และระบบ Tank Turn

Denza N9 จะเป็นรถยนต์นั่งในรูปแบบเอสยูวีหรู 7 ที่นั่ง โดยถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถเรือธงในระดับเดียวกันกับ Z9 และ Z9 GT


ในด้านงานออกแบบดีไซน์ตัวรถจะมาในรงที่ดูบึกบึน และเรือนร่างที่ใหญ่โต โดยจะความยาว 5,258 มม. กว้าง 2,030 มม. สูง 1,830 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 3,125 มม. ตัวรถจะมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 4.65 เมตร

ในด้านงานออกแบบดีไซน์ด้านหน้าของตัวรถ จะมาในแบบโค้งมนนิด ติดตราโลโก้ของทางเดนซ่าไว้ตรงกลาง ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่งด้วยชุดไฟหน้า LED ที่มาในแบแยกส่วน ด้านบนจะเป็นชุดไฟส่องสว่าง ที่อยู่ในโคมแบบเรียว โดยมีไฟ DRL LED มาให้ 2 ชั้น โดยชิ้นแรกจะวางอยู่วางล่างในโคมเดียวกัน ส่วนอีกชุดจะวางแยกออกมาอยู่ด้านล่าง

พร้อมตกแต่งตัวกันชนหน้าด้วยแถบสีดำรูปตัว C ขนาดใหญ่ ส่วนตรงกลางชายช่างจะเป็นช่องดักลมที่มาในแบบแอคทีฟ ที่สามารถเปิด –ปิดได้ นอกจากนั้นในส่วนของหลังคาด้านหน้าตัวรถจะมาพร้อมกับ LiDAR ซึ่งหมายความว่ารถจะมาพร้อมความสามารถในการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง ซึ่งอาจเป็นระบบ Eye of the Gods ของทาง BYD




ขณะที่เส้นสายด้านข้างตังถังจะมากับความเรียบหรู ดูภูมิฐาน ตกแต่งเสา B และ C ด้วยแถบสีดำ ทำให้หลังคาตังรถนั้นมาในแบบลอยตัว ยิ่งช่วยเสริมให้ตัวรถนั้นดูโปร่งสูงขึ้น ส่วนมือเปิดประตูด้านนอกนั้นจะเป็นแบบซ่อนที่ราบไปกับตัวรถ เติมความอลังการด้วยล้อออัลลอยสีดำที่มีขนาดใหญ่ถึง 22 นิ้ว รัดด้วยยาง 275/45 R22 มาพร้อมคาลิปเปอร์สีเหลืองที่ด้านใน มาพร้อมบันไดข้างไฟฟ้า

ด้านหลังติดตั้งไฟท้าย LED แบบเรียวยาวที่วางเเกือบต็มความกว้างของรถ โดยมีตราโลโก้ Denza คั้นไว้ตรงกลาง อีกทั้งยังเสริมความสปอร์ตด้วยมีสปอยเลอร์ปลายหลังคา ที่มาพร้อมกับไฟเบรกดวงที่สาม



ภายในห้องโดยสารของ Denza N9 จะมากับเบาะที่นั่งแบบ 6 ที่นั่ง (2+2+2) โดยในรุ่นปี 2026 จะมีให้เลือก 3 โทนสีได้แก่สีน้ำตาล Golden Mountain Brown (สีใหม่), สีเทา Platinum Gray และสีขาว Yunjin Rice

มาพร้อมงานออกแบบภายในที่เรียกว่า “666” ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 6 คน / กระเป๋าเดินทาง 6 ใบ (รวมกระเป๋าเดินทางขนาดมาตรฐาน 20 นิ้ว 4 ใบ และกระเป๋าลากสำหรับเด็ก 2 ใบ) และเป้สะพายหลัง 6 ใบ หรือกระเป๋าใส่ไม้กอล์ฟขนาด 47 นิ้วแบบแนวนอน นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บของ 46 ช่องทั่วทั้งรถ




ในส่วนเบาะที่นั่งผู้ขับขี่จะเป็นแบบ Zero-Gravity มาพร้อมโหมดควีนไซส์ ส่วนเบาะแถวที่สองเป็นแบบ Captain Chair แยกจากกันมาพร้อมที่วางขา โดยแต่ละที่นั่งสามารถปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทาง พร้อมระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และนวด พร้อมติดตั้งหน้าจอพื้นสำหรับควบคุมเบาะ และเครื่องปรับอากาศ


นอกจากนั้นผู้โดยสารด้านหลังยังจะได้รับหน้าจอแสดงความบันเทิงที่ติดตั้งไว้บนเพดาน โต๊ะพับขนาดเล็ก และยังติตดั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายที่ให้กำลังชาร์จถึง 50W รวมทั้งยังมีตู้เก็บของที่มาพร้อมฟังก์ชันทำความร้อน และความเย็นขนาด 11 ลิตร ที่อยู่ด้านหลังคอนโซลกลาง ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 รองรับการปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง มาพร้อมระบบทำความร้อน รวมทั้งยังมากับหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาที่มาขนาดใหญ่ถึง 3.2 ตร.ม. ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 3 แถว



แผงแดชบอร์ดจะขับเคลื่อนด้วยระบบ DiLink 150 ของบีวายดี โดยจะประกอบไปด้วยหน้าจอถึง 3 จอ ด้วยกันได้แก่ หน้าจอควบคุมกลางที่วางแบบลอยขนาด 17.3 นิ้ว, แผงหน้าปัด LCD ขนาด 13.2 นิ้ว และหน้าจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าที่มีความคมชัดระดับ 2.5K ขนาด 13.2 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยชิปขนาด 4 นาโนเมตร นอกจากนี้ยังมีหน้า AR-HUD ขนาด 50 นิ้ว และหน้าจอสตรีมมิ่งสำหรับกระจกมองข้างแต่ละบาน


ขณะที่คอนโซลกลางมาพร้อมกับแผงชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย 50W จำนวน 2 ตำแหน่ง, ช่องระบายอากาศสำหรับเครื่องปรับอากาศ และปุ่มควบคุมทางกายภาพด้านล่างช่องระบายอากาศ นอกจากนั้นยังได้รับระบบเสียง Devialet พร้อมลำโพง 26 ตัว หน้าจอเพดานด้านหลังขนาด 17.3 นิ้ว ที่สามารถเชื่อต่อกับสมาร์ตโฟนได้ มาพร้อมระบบผู้ช่วยเสียง AI และโหมดคาราโอเกะ


Denza N9 ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ e-Platform 3.0 ของ BYD ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมากับขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยแบ่งเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 200 kW (262 แรงม้า) ที่วางอยู่ด้านหน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ที่อยู่ด้านหลัง โดยแต่ละตัวมีกำลัง 240 kW (321 แรงม้า) ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 2.0T ทีให้กำลัง 152 kW (204 แรงม้า) มาพร้อมแรงบิด 325 นิวตันเมตร ตัวรถจะให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 3.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 230 กม./ชม.

จับคู่กับแบตเตอรี BYD Blade ขนาด 47 kWh ทำให้ตัวรถสามารถเดินทางโดยแบบใช้ไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางไกลกว่า 202 กม. และวิ่งครอบคลุมระยทางไกลถึง 1,302 กม. (CLTC) พร้อมรองรับการชารืจไฟปบบ DC ที่ให้กำลังไฟจาก 30% – 80% ในเวลา 19 นาที และทางผู้ผลิตเคลมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ที่ 6.3 ลิตร/100 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)


ในด้าระบบความปลอดภับ และระบบช่วยเหลือการขับขี่ จะมากับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง God’s Eye” B (DiPilot 300) ของบีวายดี ที่ประกอบไปด้วย LiDAR 1 ตัว เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว ที่ครอบคลุมการตรวจจับด้านหน้าและด้านหลัง, เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และกล้อง 12 ตัว มาพร้อมระบบประมวลผลช่วยเหลือการขับขี่ขับเคลื่อนด้วยชิป Orin X ของ Nvidia ที่มีพลังประมวลผล 254 TOP โดยระบบดังกล่างนี้จะรองรับระบบช่วยจอดอัตโนมัติในช่องจอดแนวตั้ง/ด้านข้าง/แนวทแยง,ระบบช่วยจอดระยะไกล,ระบบช่วยรักษาเลนฉุกเฉิน และระบบตรวจจับจุดบอด เป็นต้น









Denza N9 PHEV รุ่นปี 2026 ที่เปิดตัววางจำหน่ายในจีนจะมีทั้งแบบสีโมโนโทน และเพิ่มสีทูโทนใหม่เข้ามา ได้แก่ สีเทา Smoky quartz gray, สีดำ Xuan Jingmo, สีเทาควันบุหรี่ Xue Yuying, สีเขียวเข้ม Cuihuayao, สีเทา-ขาว Frost Cloud Tea, สีเขียว Green Silver, สีน้ำเงิน Lan Chenyin, สีน้ำตาล-ทอง Purple Gold และสีแดง Red Yajin